20 กิจกรรมท่องเที่ยว USA
20 สิ่งที่ควรทำเมื่อไปเยือนอเมริกา กิจกรรม must try ห้ามพลาด by Traveloka
ใครที่มีวีซ่าสหรัฐอเมริกาแล้ว ฉีดวัคซีนแล้ว ไปเช็ตมาตรการแล้วเอกสารครบ เตรียมตัวไปจองตั๋วเครื่องบินอเมริกา แล้วบินไปเที่ยวกันได้เลย สำหรับใครที่กำลังลิสต์สิ่งที่ต้องทำ (Thing to do) ว่าบินไปอเมริกาแล้วต้องทำอะไรบ้าง Traveloka มีลิสต์ 20 สิ่งที่ต้องทำมาฝากกัน
ทางไปเช็คมาตรการสนามบินก่อนบิน
Traveloka : 👉🏻 https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel/
จองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา กับTraveloka
Traveloka : 👉🏻 https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-united-states-of-america
20 กิจกรรมท่องเที่ยว USA
1. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมวิวนิวยอร์ก
“นิวยอร์ก” (New York) หรือ บิ๊กแอปเปิ้ล (Big Apple) เป็นเมืองที่มีความแปลกที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ที่นี่ใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะทางเลือกในการเดินทาง และมีบริการพาชมเมืองในมุมสูงอย่าง สะพานบรูคลิน (Brooklyn Bridge) อนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ตึกเอมไพร์สเตต (Empire State Building) มีหลายเวลาและราคาให้เลือก นับเป็นทริปเหินฟ้าชมเมืองที่สุดประทับใจแบบไม่มีวันลืมเลยทีเดียว
2. ไปกินฟู้ดทรัค (Food Truck) ที่นิวยอร์ก
นิวยอร์กได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง Food Truck ชื่อดังระดับโลก ที่มีรถขายอาหารหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นเล็กๆ ไปจนถึงรถตู้ขนาดกลางมาจอดเรียงกันบนถนนย่านธุรกิจของนิวยอร์ก มีอาหารนานาชาติและไอศกรีมรสอร่อย ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น “ฮอทดอก” เพราะนิวยอร์กเป็นต้นกำเนิดของเมนูแสนอร่อยนี้ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็่เช่น พิซซาอิตาเลียน ล๊อบสเตอร์โรลล์ มักกะโรนีอบชีส ทาโก และมีร้านอาหารไทยให้ชิมด้วยนะ
3. ถ่ายรูปแกรนด์แคนยอนที่แอริโซนา
“แกรนด์แคนยอน” (Grand Canyon) ตั้งอยู่ที่รัฐแอริโซนา (Arizona) เป็นดินแดนแห่งภูผาหินธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกาและของโลก ที่นี่มีความหลากหลายทั้งรูปร่างของภูเขาหินที่มีอยู่ทั่วพื้นที่ แม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวและสัตว์ประจำถิ่นที่หากโชคดีอาจได้พบเห็น คือเสน่ห์ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยือน และถ่ายรูปกับธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะในยามเช้าและยามเย็นที่สุดประทับใจ
4. เดินช้อปปิ้งและถ่ายรูปที่ไทม์สแควร์
“ไทม์สแควร์” (Times Square) เป็นย่านที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก เป็นพื้นที่ที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยแบรนด์สุดหรู แต่ยังเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวเดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) และมีโรงหนังเก่าแก่อย่าง “พาราเมาท์เธียร์เตอร์” (Paramount Theater) ที่ถนนบรอดเวย์ และที่สำคัญก็คือ ที่นี่ยังเป็นจุดเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
5. ขับรถเที่ยว Road Trip เส้นทางประวัติศาสตร์สาย Route 66
“รูท 66” (Route 66) ถนนสายประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา มีความยาวถึง 3,940 กิโลเมตร พาดผ่านถึง 8 รัฐสำคัญจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตก ผ่านเมืองสำคัญๆ เช่น ชิคาโก (Chicago) แคนซัส (Kansas) และโอคลาโฮมา (Oklahoma) ตลอดเส้นทางจะได้เห็นบรรยากาศที่แปลกตา ได้สัมผัสสัมผัสกลิ่นอายเมืองเก่า และวิถีแห่งคาวบอยที่เมืองอาร์มาดิลโล (Armadillo) รัฐเท็กซัส (Taxas) และสุสานรถคาดิแลก (Cadillac Cemetery) ที่ขึ้นชื่อด้วย
6. ไปดูน้ำพุสีรุ้งที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน
อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) เป็นอุทยานแห่งแรกของสหรัฐอเมริกาและแห่งแรกของโลก กินพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 3 รัฐด้วยกัน มีเทือกเขาร็อคกี้ (Rocky Mountains) เป็นสัญญลักษณ์สำคัญ และที่มีชื่อเสียงมากคือ “บ่อน้ำพุร้อน” ที่มีอยู่หลายแห่ง แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ “แกรนด์พรีสเมติก” (Grand Prismatic Spring) ที่มีน้ำตรงกลางเป็นสีฟ้าสดใส ไล่ระดับขึ้นมาหาขอบบ่อด้วยสีแดงและสีส้ม นับเป็นบ่อน้ำพุร้อนสีรุ้งที่สวยงามที่สุดในโลก
7. เซลฟี่กับถั่วยักษ์ที่ชิกคาโก
“เดอะบีน” (The Bean) หรือ “ถั่วยักษ์” ที่มิลเลนเนียมพาร์ค (Millennium Park) สวนสาธารณะใจกลางเมืองชิคาโก (Chicago) เป็นชื่อเล่นของ “คลาวด์เกต” (Cloud Gate) ปฏิมากรรมรูปถั่ววางคว่ำผิวเรียบสีเงินแวววาว ราวกับกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นภาพท้องฟ้า บรรยากาศของสวน รวมถึงตึกอาคาร และผู้คนที่ปรากฏอยู่บนผิว ที่มีความโค้งเว้าตามรูปร่างของเจ้าถั่วยักษ์ ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ใครที่มาเยือนเมืองนี้ต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
8. ชมธารน้ำแข็งที่อลาสก้า
“อลาสก้า” (Alaska) เป็นรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา และเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายรักธรรมชาติ รักการผจญภัย ที่มีทั้งการล่องเรือตามแม่น้ำ ตกปลา และล่องเรือชมธรรมชาติในมหาสมุทร แต่ที่ขึ้นคือการไปเที่ยวชมฟยอร์ด (Fjord) หรือธารน้ำแข็งที่กว้างใหญ่สุดอลังการ ทั้งการนั่งเรือล่องไปตามสายน้ำ และการแทรกกิ้ง รวมไปถึงการปีนเขา จุดยอดนิยมก็คือ อุทยานแห่งชาติกลาเซียร์เบย์ (Glacier Bay National Park) ซึ่งเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งมากกว่า 50 แห่งนั่นเอง
9. เล่นคาสิโนที่ลาสเวกัส
“ลาสเวกัส” (Las Vegas) แห่งรัฐเนวาดา (Nevada) เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์สำหรับนักเสี่ยงโชคจากทั่วโลก นอกจากคาสิโนมากมายหลายแห่งบนถนนฟรีมอนต์ (Fremont Street) ที่นี่ยังมีสถานบันเทิงเริงรมย์ และโรงแรมที่พักที่มีบรรยากาศสุดคึกคักให้ถ่ายรูปเล่น เสน่ห์อย่างหนึ่งของลาสเวกัสคือ แสงสีนีออนที่เปิดขึ้นกันพรึ่บพรั่บในยามค่ำ การเดินชม “พิพิธภัณฑ์ไหนีออน” (Neon Museum) จึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด
10. เดินเล่นที่เซ็นทรัลพาร์ก
เซ็นทรัลพาร์ก (Central Park) ไม่ใช่เป็นแค่สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์กเท่านั้น แต่ยังเป็นแลนด์มาร์กนิวยอร์กที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง และเป็นศูนย์รวมความบันเทิงแก่ผู้คนทั่วไปด้วย ในสวนสาธารณะแห่งนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งการเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย พายเรือในทะเลสาบ มุมถ่ายรูปมากมาย ที่นี่ยังเป็นเวทีคอนเสิร์ทที่ศิลปินดังๆ มักจะโชว์ฝีมืออยู่เสมอๆ และที่สำคัญ ความสวยงามของธรรมชาติในเซ็นทรัลพาร์คยังจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลอีกด้วย
11. แคมป์ปิ้งที่อุทยานแห่งชาติเทือกเขาร็อกกี
“อุทยานแห่งชาติเทือกเขาร็อกกี้” (Rocky Mountain National Park) แห่งรัฐโคโลราโด (Colorado) เป็นที่รู้จักกันดีของผู้ชื่นชอบแนวแอดเวนเจอร์ ภาพเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่สลับซับซ้อนดูน่าเกรงขาม มีทะเลสาบสีแดงม่วงที่ชื่อ “มารูนเบลล์” (Maroon Bells Lake) เป็นจุดน่าถ่ายรูปที่สุดในเทือกเขาร็อกกี้
มีเส้นทางเดินป่าที่ท้าทาย มีความยาวกว่า 480 กิโลเมตร และมีจุดแค้มปิ้งหลายจุด ซึ่งแต่ละจุดจะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป
12. เที่ยวสวนสนุกวอลต์ดิสนีย์เวิลด์ที่ฟลอริดา
สวนสนุกวอลต์ดิสนีย์เวิลด์ (Walt Disney World) เป็นรีสอร์ตที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งที่รัฐฟลอริดา (Florida) ภายในพื้นที่ 121.7 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย สวนสนุก 4 แห่ง สวนน้ำ 2 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีโรงแรมและสถานพักตากอากาศ 27 แห่ง รวมถึงอีก 9 แห่งที่ไม่ใช่ของดิสนีย์ และมีแหล่งช็อปปิ้ง สนามกอล์ฟ สปา ฟิตเนส สถานบันเทิง และร้านอาหาร นับเป็นอาณาจักรแห่งโลกจินตนาการที่ครบวงจรอย่างแท้จริง
13. ถ่ายรูปกับลายเซ็นคนดังที่ถนนฮอลลีวูด
ฮอลลีวูด (Hollywood) เป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองแห่งแสงสีสุดคึกคักหวือหวา และเป็นศูนย์รวมความหรูหราแห่งแฟชั่นที่ทันสมัยและล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง ไฮไลท์ของที่นี่คือ “ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม” (Hollywood Walk of Fame) ทางเท้าที่มีรอยประทับฝ่ามือหรือรอยเท้าของดาราชื่อก้องให้ถ่ายรูป และมีเหล่าดาราดังให้เดินกระทบไหล่มากมาย ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งสถานที่ประกาศผลรางวัลออสการ์ “ดอลบีเธียร์เตอร์” (Dolby Theatre) หรือ “โกดักเธียร์เตอร์” (Kodak Theatre) อีกด้วย
14. ชมไร่องุ่นและชิมไวน์ชื่อดังระดับโลกที่นาปาวัลเลย์
“นาปาวัลเลย์” (Napa Valley) อาณาจักรแห่งไวน์ที่มีคุณภาพเยี่ยมจากแคลิฟอร์เนีย (California) ที่หุบเขานาปา (Napa Valley) และหุบเขาโซโนมา (Sonoma Valley) ไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตามีโรงกลั่นไวน์มากกว่า 400 แห่ง แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมและชิมไวน์ก็คือ “มาดอนนาแอสเตท” (Madonna Estate) โรงบ่มไวน์เก่าแก่ระดับโลก “ไคลน์เซลลาร์ส” (Cline Cellars) และ “เซบาสเตียนไวน์ยาร์ด” (Sebastiani Vineyards) ซึ่งนับว่าเป็นโรงบ่มไวน์ที่มีคุณภาพดีที่สุดในอเมริกา
15. ไปกินลอบสเตอร์ที่บอสตัน (Boston)
เมื่อพูดถึงเมืองบอสตัน (Boston) แห่งรัฐเมน (Maine) แล้ว ถ้าไม่พูดถึง “กุ้งล็อบสเตอร์” ก็คงจะไม่ได้ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงที่สุดว่ากุ้งล็อบสเตอร์มีรสชาติอร่อยล้ำ แถมตัวใหญ่มากจนตะลึง มีร้านอาหารมากมายพร้อมปรุงเมนูหลากหลายให้ลิ้มรสกันอย่างเอร็ดอร่อยแบบหาที่ไหนไม่ได้อีก ทั้งความสดทั้งได้บรรยากาศการกินแบบเฉพาะตัว การได้มาลิ้มรสล็อบสเตอรที่บอสตันจึงเป็นเป้าหมายหลักที่ไม่ควรพลาด
16. ไปฟังดนตรีแจ๊สและบลูที่นิวออลีนส์ (New Orleans)
เมื่อพูดถึงแนวดนตรีที่ได้รับควานิยมและมีอายุยาวนาน ก็ต้องดนตรีแจ๊ส และดินแดนที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ เมืองนิวออร์ลีนส์ (New Orleans) ที่ถือเป็นต้นกำเนิดและมีแนวทางรูปแบบของตัวเองจนถูกเรียกว่า “นิวออร์ลีนส์แจ๊ส” นิว ออร์ลีนส์ แจ๊ส (New Orleans Jazz) ที่แพร่หลายไปทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก แม้ไม่ใช่คนที่ชอบดนตรีแนวนี้ก็ยังต้องมาเยือน เพื่อสัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายแห่งเสียงดนตรีที่น่าหลงใหล ที่จะได้ยินในแทบทุกแห่งหนตั้งแต่ในผับบาร์ไปจนถึงตามถนนต่างๆ
17. อาบแดดและพักร้อนที่ไมอามีบีช
ไมอามี (Miami) เป็นเมืองตากอากาศสุดฮิตเอันดับต้นๆ ของโลก เมืองแห่งสายลมและแสงแดดแห่งนี้มี “หาดไมอามี” (Miami Beach) เป็นแม่เหล็กดึงดูดดึงดูดให้นักท่องทั่วโลกมาหลั่งไหลมาที่นี่ เป็นหาดทรายขาวโค้งเว้าเป็นแนวยาวกว่า 7 ไมล์ จึงเป็นที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาอาบแดดกันมาก ใกล้กับหาดมีที่พักและโรงแรมสไตล์อาร์ตเดคโคสวยๆ หลายแห่ง อีกทั้งยังมีทางเดินเลียบชายหาด Miami Beach Boardwalk ที่บรรยากาศสุดคึกให้เดินเล่นเพลินๆ อีกด้วย
18. กินพิซซาไซส์ยักษ์ที่นิวยอร์ก
มหานครนิวยอร์ก (New York) เป็นเมืองที่มีสตรีทฟู้ดชื่อดังระดับโลก มีอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากมายให้ลิ้มลอง อย่างเช่นพิซซ่ายักษ์ที่มีขนาดถึง 60 เซนติเมตรเลยทีเดียว ซึ่งทำจากแป้งบางๆ แล้วโยนด้วยมือ เปลือกจะหนาและกรอบตามขอบเท่านั้น แต่บางและนุ่มจนพับครึ่งกินได้ และวิธีการทำด้วยลีลาการโยนหมุนควงแผ่นแป้งให้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คือเสน่ห์ดึงดูดให้ดูเพลินตาสนุกๆ นอกจากรสชาติที่สุดอร่อยล้ำ จึงไม่แปลกที่พิซซ่านิวยอร์กจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
19. ขับรถข้ามสะพานโกลเดนเกทที่ซานฟรานซิสโก
สะพานโกลเดนเกท (Golden Gate Bridge) คือสะพานแขวนชื่อดังทอดข้ามอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay) เพื่อเชื่อมระหว่างเมืองซานฟรานซิสโก (San Francisco) และ เมืองมารินเคาน์ตี (Marin County)
สะพานสีส้มที่เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ มีความยาวทั้งหมดประมาณ 2.7 กิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นสะพานแขวนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เหมาะแก่การเดินเล่นหรือขี่จักรยาน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ทอแสงยามเช้าและพระอาทิตย์ตกยามเย็นสุดสวยงามประทับใจ
20. ไปชมวิวสวยๆ ที่ตึกเอ็มไพร์สเตต
ตึกเอ็มไพร์สเตต (The Empire State Building) บนเกาะแมนฮัตตัน (Manhattan) เป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เคยเป็นตึกสูงที่สุดในนิวยอร์กหลายสิบปี ก่อนจะถูกตึกแฝด “เวิร์ลเทรดเซนเตอร์” (World Trade Center) ครองตำแหน่ง ตึกเอ็มไพร์สเตตเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมวิวแบบเปิดโล่งที่ชั้น 86 และ 102 ซึ่งสามารถมองเห็นสถานที่สำคัญๆ ภายในเมืองนิวยอร์กได้ไกลแบบ 360 องศา และพระอาทิตย์ตกดินที่สุดขอบฟ้าสุดแสนประทับใจ
ยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีกิจกรรมเด็ดๆ ห้ามพลาดอีกมากมายที่ควรทำให้ได้เมื่อไปเยือนอเมริกา แต่ก่อนอื่นเลย หาวันว่าง แล้วตระเตรียมแผนการเดินทางไว้ให้ดิบดี เช็คมาตรการก่อนการเดินทาง ไปจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อไหรก็บินลัดฟ้าได้เลย